โรงเรือนปลูกพืชที่สามารถป้องกันอันตรายของพืชจากสภาพลมฟ้าอากาศและจากโรคและแมลงศัตรูพืชได้ มีความจำเป็นต่อการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์โดยเฉพาะประเทศในเขตหนาวที่ต้องอาศัยการเกษตรที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมมักใช้เป็นโรงเรือนกระจกซึ่งมีราคาแพงมากเพราะจะต้องควบคุมทั้งอุณหภูมิ ความชื้น และอันตรายที่เกิดจากหิมะ หรือน้ำค้างแข็ง รวมทั้งบางแห่งยังสามารถควบคุมปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ด้วย
ในเขตร้อนชื้นอาจใช้โรงเรือนที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมทั้งหมดเช่นเดียวกับโรงเรือนปลูกพืชในประเทศหนาวก็ได้ แต่ลงทุนสูงเกินความจำเป็นหากสามารถใช้ประโยชน์จากธรรมชาติก็จะลดต้นทุนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้สภาพธรรมชาติทั้งหมดอาจมีข้อจำกัดสำหรับการเจริญเติบโตของพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดและแห้งแล้งความเข้มของแสงในช่วงกลางวันและบ่ายมักจะสูงเกินความต้องการของพืชบางช่วงกลางคืนก็ร้อนอบอ้าวด้วย ในฤดูฝนอาจมีฝนชุกจนเป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูกความแรงของสายฝนและลมพายุฝน นอกจากจะทำให้พืชเสียหายแล้วยังทำให้โรงเรือนปลูกพืชเสียหายด้วย ความชื้นสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกกับอุณหภูมิที่สูงด้วยแล้วนับเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชได้ง่าย
PREVIOUS
การปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์
NEXT
เทคนิคการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์